นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
บริษัท บียอนด์แอดไวเซอร์ จำกัด (“บริษัทฯ”) ตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (รวมทั้งที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม) รวมถึงกฎเกณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (รวมเรียกว่า “กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) ซึ่งกำหนดมาตรการในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้ประกอบการที่มีการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้มีประสิทธิภาพ ในการนี้ บริษัทฯ จึงได้กำหนดนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) ฉบับนี้ขึ้นเพื่อรองรับการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงระเบียบและประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นผู้มีหน้าที่รายงานธุรกรรมตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. 2559 นอกจากนี้ บริษัทฯ เป็นนิติบุคคลผู้ประกอบธุรกิจที่มีการเก็บ รวบรวม ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมายและประโยชน์ในทางธุรกิจโดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ดังนั้น นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) ฉบับนี้จึงถูกกำหนดขึ้นเพื่อประโยชน์ในการรักษาสิทธิและการใช้สิทธิของท่านซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
คำนิยาม
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลโดยแท้ของบุคคล แต่มีความละเอียดอ่อนและอาจสุ่มเสี่ยงในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
“การประมวลผล” หมายถึง การดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย การลบ หรือการทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ข้อมูลส่วนบุคคลสามารถระบุตัวตนของบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของบริษัท ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
1. ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
บริษัทฯ มีการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อมูลดังต่อไปนี้
- 1.1
- ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
- ชื่อ-นามสกุล
- หมายเลขประจำตัวประชาชน / หมายเลขหนังสือเดินทาง
- วัน เดือน ปี เกิด
- หมายเลขใบอนุญาตขับขี่
- ที่อยู่ (บ้านเลขที่ แขวง/เขต จังหวัด ประเทศ)
- หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ หรือ อีเมล
- อาชีพ
- ข้อมูลภาพถ่าย
- 1.2
- บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่านดังต่อไปนี้
- ข้อมูลชีวมิติ เช่น ข้อมูลจำลองใบหน้า ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลจำลองม่านตา อัตลักษณ์เสียง
- ข้อมูลภาพเคลื่อนไหว ที่ได้จากการบันทึกในกล้องวงจรปิด ณ ที่ตั้งสำนักงานของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวดังนี้
- ข้อมูลชีวมิติ ซึ่งบริษัทฯ อาจมีการเก็บรวบรวมโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันตัวบุคคลของท่าน เพื่อรองรับกระบวนการพิสูจน์ตัวตนตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ
- ข้อมูลภาพเคลื่อนไหว ซึ่งได้จากการบันทึกในกล้องวงจรปิด ณ สำนักงานของบริษัทฯ ซึ่งเป็นข้อมูลที่บริษัทฯ จำเป็นต้องทำให้เกิดขึ้นตามกระบวนการเพื่อป้องกัน ระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพของลูกค้าผู้มาใช้บริการและพนักงานของบริษัทฯ รวมถึงเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของลูกค้าและพนักงานของบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดให้มีข้อความแจ้งการเก็บข้อมูลภาพเคลื่อนไหวจากการบันทึกในกล้องวงจรปิด (CCTV) ต่อลูกค้าและพนักงานของบริษัทฯ ในพื้นที่รัศมีการบันทึกภาพ เพื่อให้ลูกค้าและพนักงานของบริษัทฯ ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวได้ทราบถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลภาพเคลื่อนไหวและสามารถใช้สิทธิของตนตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ดังที่จะได้กล่าวต่อไป
2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้น บริษัทฯ ดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
- 2.1
- เพื่อประโยชน์ในการยืนยันตัวตนของลูกค้าและพนักงานซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการของบริษัทฯ
- 2.2
- เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ หรือประกาศของหน่วยงานกำกับดูแลตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- 2.3
- เพื่อเป็นหลักฐานทางกฎหมายในการทำนิติกรรมหรือธุรกรรม
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะไม่เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลด้วยวัตถุประสงค์ที่นอกเหนือไปจากที่ระบุในวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้น เว้นแต่
- ได้แจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบและได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
- เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
3. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ อาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงด้านการฟอกเงิน ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ และนำมาตรวจสอบกับรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ อาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์ในการประเมินว่า พฤติกรรมหรือรูปแบบการใช้บริการของท่าน เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ หรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ ด้านใดของบริษัทฯ เพื่อที่บริษัทฯ จะได้นำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการ หรือสิทธิประโยชน์ที่เหมาะกับท่านมากที่สุด
4. ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ เช่น ระยะเวลาที่บริษัทฯ ยังมีความสัมพันธ์กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมายหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในของบริษัทฯ
ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม เช่น เก็บตามระยะเวลาของอายุความตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลนั้น
ในกรณีของข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว ประเภทภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด บริษัทฯ มีระยะเวลาการเก็บรักษาไว้ 30 วัน นับแต่วันที่บันทึกภาพ
5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลอื่นโดยปราศจากความยินยอม และจะเปิดเผยตามวัตถุประสงค์ที่ได้มีการแจ้งไว้ต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่เป็นการเปิดเผยเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หรือเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงกรณีดังต่อไปนี้
- 5.1
- บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในกรณีที่มีการทำธุรกรรมตามหลักเกณฑ์การรายงานธุรกรรม หรือ
- 5.2
- บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบริษัทหรือนิติบุคคลที่บริษัทฯ มอบหมายให้เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือ
- 5.3
- บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีเป็นการปฏิบัติตามสัญญาที่กระทำขึ้นระหว่างบริษัทฯ กับบริษัทคู่ค้า เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการแก่ลูกค้าร่วมกันเท่านั้น
6. การส่งหรือโอนข้อมูลให้แก่ผู้อื่นหรือบุคคลภายนอก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- 6.1
- บริษัทฯ จะไม่ทำการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ เว้นแต่ท่านซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ร้องขอให้บริษัทฯ ดำเนินการส่งหรือโอน
- 6.2
- บริษัทฯ จะไม่ทำการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นในต่างประเทศ เว้นแต่เป็นการส่งให้บริษัทคู่ค้าที่มีวัตถุประสงค์ในการให้บริการแก่ลูกค้ารายนั้นๆ ร่วมกันเท่านั้น และ
- 6.3
- หากบริษัทฯ มีเหตุผลให้ต้องดำเนินการ หรือมีวัตถุประสงค์จำเป็นที่ต้องทำการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศตามที่กล่าวข้างต้น บริษัทฯ จะส่งหรือโอนข้อมูลให้เฉพาะประเทศปลายทางที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดเท่านั้น
7. สิทธิต่างๆ ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและช่องทางในการใช้สิทธิ
ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอาจใช้สิทธิดังต่อไปนี้ภายใต้เงื่อนไขของบริษัทฯ และเงื่อนไขที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
- 7.1
- สิทธิในการขอถอนความยินยอม
เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไว้ต่อบริษัทฯ แล้ว เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิห้ามเพิกถอนความยินยอมตามกฎหมายหรือตามสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
การถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามสัญญาหรือข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนโอกาสในการทำนิติกรรมสัญญา ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับลักษณะนิติกรรมสัญญาเป็นกรณีไป
ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมไม่กระทบต่อการเก็บรวบ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งได้กระทำระหว่างที่ได้ให้ความยินยอมโดยชอบ
- 7.2
- สิทธิในการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิที่จะเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่บริษัทฯ รับผิดชอบอยู่และมีสิทธิขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนไม่ได้ให้ความยินยอม
- 7.3
- สิทธิในการขอรับข้อมูลและขอให้ส่งต่อ/โอนข้อมูล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของตนจากบริษัทฯ ได้ในกรณีที่บริษัทฯ จัดให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่อ่านใช้งานทั่วไปและเปิดเผยได้อัตโนมัติด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลของตนในรูปแบบอัตโนมัติข้างต้นไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่นเมื่อกระทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่นโดยตรง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
อนึ่ง การใช้สิทธิข้อนี้ เจ้าของข้อมูลต้องยินยอมโดยชัดแจ้งในการขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น ซึ่งไม่อยู่ในหลักการตามนโยบายของบริษัทฯ
- 7.4
- สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอาจใช้สิทธิคัดค้านมิให้บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ หากเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีต่อไปนี้
- เป็นการเก็บรวบรวมที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมตามมาตรา 24(4) แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กล่าวคือ เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทฯ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท หรือตามมาตรา 24(5) แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กล่าวคือ เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือของผู้อื่น โดยประโยชน์นั้นมีความสำคัญไม่น้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่บริษัทฯ จะแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่าในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
- เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
- เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ
- 7.5
- สิทธิในการขอให้ลบ/ทำลายหรือทำให้ข้อมูลนั้นไม่เป็นข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลได้เมื่อ
- ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นหมดความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ กำหนด หรือ
- เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย และบริษัทฯ ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลนั้นอีกต่อไป หรือ
- เมื่อเจ้าของข้อมูลใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลนั้นตามข้อ 7.4 และบริษัทฯ ไม่สามารถปฏิเสธคำคัดค้านนั้นได้ หรือ
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจคัดค้านการใช้สิทธิดังกล่าว ถ้าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เป็นกรณีที่บริษัทฯ ดำเนินการเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย สำหรับการดำเนินคดีที่อาจเกิดขึ้นภายในอายุความแห่งกฎหมาย
- 7.6
- สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิที่จะขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีที่
- บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบหรือดำเนินการตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอให้บริษัทฯ ดำเนินการให้ข้อมูลนั้นถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หรือ
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นข้อมูลที่ต้องลบหรือทำลาย เนื่องจากบริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือ
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ปฏิบัติตาม หรือเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ
- เมื่อบริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อพิสูจน์ กรณีปฏิเสธคำคัดค้านของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เรื่องการคัดค้านในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามข้อ 7.4
- 7.7
- สิทธิในการขอให้ดำเนินการให้ข้อมูลถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิร้องขอให้บริษัทฯ ดำเนินการปรับปรุงให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้ควบคุมข้อมูลนั้นถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้
- 7.8
- สิทธิในการยื่นเรื่องร้องเรียน
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัทฯ นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บังคับใช้อยู่
ช่องทางในการใช้สิทธิ
บริษัทฯ จัดให้มีช่องทางในการที่ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยใช้แบบคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่แนบท้ายนโยบายฉบับนี้ ดังนี้
- ขอใช้สิทธิโดยทำเป็นหนังสือ ณ สำนักงานของบริษัทฯ
- ขอใช้สิทธิผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยผ่านเว็บไซต์หรือช่องทาง Social Network อื่นๆ ของบริษัทฯ